ปางพระศิวะ
รูปเคารพของพระศิวะปางที่สำคัญ ๆ
และพบเห็นกันแพร่หลายมีดังนี้
ปางจักราธนมูรติ (วิษณุวาณุครหมูรติ)
อันเนื่องจากพระวิษณุเทพได้ทำสงครามกับอสูรบนสวรรค์
และเกิดความเพลี่ยงพล้ำไม่อาจชนะฝ่ายอสูรได้ จึงได้ทำพิธีบูชาพระศิวะเทพขึ้น
ด้วยการบูชาพระองค์ด้วยดอกบัววันละ 1,000 ดอกทุกวัน
จนวันหนึ่งหาดอกบัวไม่ได้พระวิษณุเทพจึงควักลูกตาของตนเพื่อถวายบูชาแก่องค์ศิวะเทพ
พระองค์ทรงพอพระทัยมาก จึงประทานลูกล้อ หรือ
จักรหินสัญลักษณ์ของพระศิวะเทพเพื่อให้เป็นอาวุธของพระวิษณุต่อไป
ปางนนทิศานุครหมูรติ
สรังคยานะเกิดมาไม่มีบุตรสืบสกุล
จึงไปขอพระเป็นเจ้า วิษณุเทพได้ประทานบุตรมาให้ตน ด้วยพอใจการบวงสรวงบูชาของฤๅษี
บันดาลอิทธิฤทธิ์ให้เด็กถือกำเนิดจากสีข้างของพระองค์ ทารกนี้รูปร่างเหมือนพระศิวะ
ทรงพระราชทานนาม นนทิเกศวร นนทิเกศวรได้พรจากพระศิวะ
ต่อมานนทิได้นำพิธีทรมานร่างกายบนยอดเขามันธระเพื่อให้เข้าถึงพระศิวะเจ้า
พระศิวะเทพโปรดปรานมาก
ทรงปรากฏตัวให้เห็นและรับเอาฤาษีนนทิเป็นหัวหน้ามหาดเล็กรับใช้อยู่ที่เขาไกรลาศ
ทรงแต่งตั้งให้เป็นเทพบุตรนนทิเกศวร ส่วนพระชายาของเทพบุตรพระองค์นี้คือ
นางสุยาศุบ้างก็ว่า เทพบุตรพระองค์นี้ตัวเป็นมนุษย์ หัวเป็นโค
ปางกิรทารชุนมูรติ
ท้าวอรชุน(ในมหากาพย์ภารตะ)
ทำพิธีบูชาพระศิวะเพื่อขอประทานลูกธนูศักดิ์สิทธิ์ให้ตนเพื่อไปยิงอสูร
ท้าวอรชุนได้บวงสรวงอยุ่ที่เขาไกรลาศ
พระศิวะใช้มายาแปลงเป็นหมูป่าเข้าทำร้ายพราหมณ์หนุ่มและท้าวอรชุน
พราหมณ์หนุ่มต้องการยิงหมูป่า อ้างว่าตนเห็นก่อน แต่ท้าวอรชุนไม่ยอม
บอกว่าตนต่างหากที่เห้นก่อนจากนั้นทั้งคู่ก็เลยต้องเดิมพันด้วยการต่อสู้กันก่อน
ไม่ว่าท้าวอรชุนจะใช้อาวุธใดก็มีอาจทำร้ายพราหมณ์หนุ่มได้
จนเมื่อท้าวอรชุนทรุดตัวลงกราบ พระศิวะพอพระทัยมอบลูกธนูวิเศษให้ไปปราบอสูร
ปางราวันนานูครหมูรติ
ทศกัณฐ์ เจ้าเมืองลงกา
หลังจากทำสงครามกับท้าวกุเบร
ได้เสด็จผ่านเทือกเขาหิมาลัยเห็นว่ามีทัศนียภาพอันน่ารื่นรมย์
ตั้งใจจะเข้าไปชมสถานที่ แต่เจอนนทิเกศวรหัวหน้ามหาดเล็กของพระศิวะเทพขวางทางไว้
เพราะเขาไกรลาศเป็นที่ประทับของพระศิวะเทพและพระนางปราวตี
ห้ามผู้ใดล่วงล้ำเข้าสู่เขตพระราชฐานทศกัณฐ์โกรธ ขู่อาฆาตและสาปแช่งว่า
นนทิต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือลิง แต่นนทิเกศวรบอกว่า
ทศกัณฐ์ต่างหากที่ต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือลิง
ทศกัณฐ์โกรธเตรียมจะยกเขาไกรลาศขึ้นทุ่ม แค่โยกเขาด้วยอิทธิฤทธิ์เท่านั้น
บรรดาเทวดาและมนุษย์ก็เดือดร้อนหนีกันจ้าละหวั่น พระนางปราวตีได้ทูลขอให้พระศิวะให้แก้สถานการณ์
ทรงใช้เท้าเหยียบที่พื้นลงเบา ๆเพื่อให้เขาไกรลาศตั้งดังเดิม
ทรงปราบพยศอสูรทศกัณฐ์จนยอมศิโรราบ
พระศิวะเทพโปรดประทานดาบศักดิ์สิทธิ์ให้จากนั้นทศกัณฐ์ได้เดินทางกลับกรุงลงกา
ปางกาลารีมูรติ
ฤๅษีตนหนึ่ง ได้ทำพิธีบูชาสวดมนตร์อ้อนวอนขอลูกกับพระศิวะเทพทรงโปรดการบูชาจึงประทานลูกให้
แต่บอกว่า เด็กคนนี้จะอายุสั้น ฤๅษีและภรรยาได้เลี้ยงดูลูกจนอายุ 16 ปี
ลูกชายไปได้บวงสรวงต่อพระศิวะระหว่างที่ชะตาถึงฆาตประจวบเหมาะว่า
เป็นช่วงที่เด็กคนนี้กำลังบูชาศิวลึงค์อยู่พอดี พระยม-กาลแห่งความตายได้เดินทางจากเมืองนรกมารับตัวเด็กหนุ่ม
พระศิวะเห็นดั่งนั้นทรงพิโรธทรงปรากฏกายออกจากศิวลึงค์เข้าเตะพระยม
พระยมสู้ฤทธิ์พระศิวะไม่ได้จึงหนีไปพระศิวะประทานพรให้เด็กหนุ่มมีชีวิตเป็นอมตะ
ปางกานันทกามูรติ
ปางนี้คือปางพระศิวะทำลายเทพเจ้าแห่งความรัก
(กามเทพ)อย่างที่ได้กล่าวแทรกไว้ในตำนานว่า เมื่อพระนางสตีเผาร่างตนเองไปนั้น
พระศิวะเสียใจมาก และเข้าสู่สมาธิเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
ในที่สุดเมื่อพระนางมาจุติใหม่ โดยแบ่งภาคมาจากพระแม่ศักติ-ศิวา
มาเป็นพระนางปราวตี กามเทพต้องทำหน้าที่เพื่อให้ศิวะเกิดความรัก เพื่อจะได้มีบุตรในการไปปราบอสูรชื่อ
ทาราคา ในที่สุดเมื่อทุกอย่างสำเร็จ ทรงมีโอรสขึ้นมาคนหนึ่งชื่อ ขันธกุมาร หรือ
กาติเกยะ หรือกุมารา หรือสุภามันยะเพื่อไปปราบอสูร
ปางอรรธนารีศวร
ปางนี้เป็นปางครึ่งหญิงครึ่งชายในรูปลักษณ์ทางประติมกรรมนั้น
จะแบ่งซีกระหว่างพระศิวะกับพระอุมาดดยพระศิวะอยู่ทางซีกขวา
และพระอุมาอยู่ทางซีกซ้าย ซึ่งถ้าผู้ที่เข้าใจระบบความเชื่อแบบทวิลักษณะแบบจีน
หรือ คัมภีร์หยิน-หยางย่อมเข้าใจได้ว่า -ชายขวา-หญิงซ้าย
นั่นคือสูตรตามแบบฉบับของคัมภีร์นี้ ปางนี้ได้กำเนิดขึ้นครั้งแรก ครั้งเดียว
ในสมัยการสร้างจักรวาล กล่าวคือ พระพรหมได้รับภารกิจให้สร้างมนุษย์เพศชายเพียงเพศเดียว
แต่เพศชายเพียงอย่างเดียวไม่มีกำลังในการขยายเผ่าพันธุ์ในโลกใด้
ครั้งจะสร้างเพศหญิงขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาแบบอย่างมาจากไหน
พระพรหมจึงต้องบวงสรวงมหาเทวาธิเทวะ มหาเทวะ ศิวะเทพ
เพื่อให้เสด็จมาแก้ปัญหาที่ค้างคาใจอยู่พระพรหมบวงสรวงจนเป็นที่พอใจก็เลยเสด็จมา
นับเป็นครั้งแรกที่มาในปางอรรธนารีศวร
เพศหญิงและเพศชายที่รวมกันอยู่ในร่างเดียวกัน
ทำให้พระพรหมเข้าใจในกำลังเสริมของเพศคู่นี้
อันจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และชีวิตใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น